วิธีเตรียมความพร้อมก่อนเดินทางสู่ความตาย

ชีวิตในสังสารวัฏ เป็นชีวิตที่เสี่ยงภัยมาก เพราะเมื่อเราเกิดมาแล้ว หากอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการสร้างความดี เราอาจจะพลาดพลั้งไปทำบาปอกุศล เพราะขาดกัลยาณมิตรคอยชี้แนะ หนทางแห่งการสร้างความดี เมื่อละโลกไป แรงกรรมที่เรากระทำไว้ย่อมจะส่งผลให้เรามีโอกาสไปเกิดในอบายได้มาก

บทความ Articles > ตายแล้วไปไหน Life After Death > อบายภูมิ
[ 2 เม.ย. 2554 ] - [ : 18272 ]
   Bookmark and Share  
Share Facebook   

ตายแล้วไปไหน

ชีวิตหลังความตายเป็นอย่างไร

 
วิธีเตรียมความพร้อมก่อนเดินทางสู่ความตาย
 
เตรียมตัวตาย
เมื่อเราตายแล้วเราก็หมดสิทธิ์ทำบุญ
 
     ชีวิตเรานั้นเมื่อละจากโลกนี้หรือตายแล้วนั้น เราก็หมดสิทธิ์ที่จะสั่งสมบุญได้อีก มีแต่เพียงการเสวยผลบุญหรือผลบาปที่ตนกระทำไว้ครั้งเป็นมนุษย์เท่านั้น หากเกิดในอบาย ก็ต้องเสวยทุกข์ทรมานยาวนาน หากเกิดในสุคติภูมิ ย่อมเสวยความสุขยาวนานเช่นกัน ดังนั้นก่อนหลับตาลาโลกไป เราควรจะเตรียมตัวอย่างไร เมื่อละโลกแล้วจะได้เสวยผลแห่งบุญที่เราสั่งสมไว้ครั้งเป็นมนุษย์ได้อย่างมี ความสุข จึงขึ้นอยู่กับตัวเรา เพราะฉะนั้นชีวิตเราสามารถลิขิตได้ด้วยตัวเอง ด้วยการสั่งสมบุญเท่านั้น เพราะบุญเป็นที่พึ่งของเราทั้งหลายทั้งในปัจจุบันและเมื่อละโลกไปแล้ว เราจักได้ไม่ต้องพลัดตกลงไปสู่ปรโลกฝ่ายทุคติอันแสนทรมานและยาวนาน
 
     ชีวิตในสังสารวัฏเป็นชีวิตที่เสี่ยงภัยมาก เพราะเมื่อเราเกิดมาแล้ว หากอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการสร้างความดี เราอาจจะพลาดพลั้งไปทำบาปอกุศล เพราะขาดกัลยาณมิตรคอยชี้แนะ หนทางแห่งการสร้างความดี เมื่อละโลกไป แรงกรรมที่เรากระทำไว้ย่อมจะส่งผลให้เรามีโอกาสไปเกิดในอบายได้มาก
 
นรกขุมที่8
สัตว์นรกต้องทนทุกข์ทรมานแสนสาหัสจากการลงโทษตามผลกรรมของตน
 
     อบายภูมิ เป็นสถานที่สิงสถิตของชีวิตหลังความตายของปรโลกฝ่ายทุคติ เป็นดินแดนที่ปราศจาก ความสุข และเต็มไปด้วยความทุกข์ทรมาน ทั้งจากความร้อนของไฟนรก และจากการทรมานของ นายนิรยบาล ที่มีวิธีการลงโทษหลากหลายไม่ซ้ำรูปแบบ ทำให้สัตว์นรกได้รับความเจ็บปวดทุกข์ทรมานสุดจะบรรยาย
 
     ชาวโลกทั้งหลายเมื่อมีชีวิตอยู่ ไม่ประกอบกุศลกรรม ทำแต่อกุศลกรรมเป็นประจำ ครั้นเมื่อใกล้จะละโลก ภาพไม่ดีที่ตนได้กระทำไว้มาปรากฏให้เห็น ทำให้จิตของเขาเศร้าหมอง เมื่อละจากอัตภาพมนุษย์ ย่อมไปเกิดในอบาย ดังที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ใน พาลบัณฑิตสูตร*
 
“ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย คนพาลนั่นแล ประพฤติทุจริตทางกาย ทางวาจา ทางใจแล้ว
เมื่อแตกกาย ทำลายขันธ์ ตายไปย่อมเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก”
 
     จากพุทธภาษิตนี้ แสดงให้เห็นถึงการกระทำความชั่วของมนุษย์ ทั้งทางกาย วาจา ใจ มีผลต่อการไปสู่อบาย ในที่นี่จึงขออธิบายอัธยาศัยในการประกอบกุศลและอกุศลของชาวโลก 4 ประการดังนี้ คือ 
 
ชอบทำบุญตายแล้วมักไปดี
มนุษย์ผู้ใคร่ในการทำบุญ
 
     1. ชอบใจในการบำเพ็ญบุญกิริยาวัตถุ หมั่นทำทาน รักษาศีล และเจริญสมาธิภาวนาอยู่ไม่ขาด เมื่อใกล้จะละโลกสามารถนึกถึงบุญที่ตนกระทำไว้ได้ง่าย เพราะมีใจชุ่มอยู่ในบุญเป็นปกติ ภาพกรรมนิมิตก็จะมาปรากฏให้เห็นชัดเจน ละโลกไปแล้วก็ไปสู่สุคติ
 
บุญ บาป
มนุษย์ที่ชอบทำทั้งบุญ ทั้งบาป
 
     2. ชอบทำทั้งกุศลและอกุศลปะปนกันไป วัดก็เข้า สัตว์ก็ฆ่า สุราก็ดื่ม เมื่อใกล้จะละโลก มีสติดี มีคนใกล้ชิดให้กำลังใจ พูดให้ตามระลึกนึกถึงความดีที่ทำไว้ได้ การช่วงชิงภพก็มีโอกาสที่จะเดินทางไปสู่สุคติได้ แต่คนป่วยส่วนใหญ่มักจะมีเวทนากล้า จะนึกอะไรไม่ค่อยออก หากไม่มีญาติพี่น้องให้สติ โอกาสที่จะไปทุคติก็เป็นไปได้ แต่โดยส่วนมากที่ทำทั้งบุญและบาปก้ำกึ่งกัน มักจะต้องไปยมโลกเพื่อรอตัดสินบุญบาป
 
ทำทั้งบุญ ทั้งบาป
มนุษย์ผู้ประมาทในการดำรงชีวิต
 
      3. ชอบทำอกุศลมากกว่าทำกุศล เป็นคนประเภทใช้บุญเก่า ไม่เห็นความสำคัญของการทำบุญ มีความเชื่อมั่นตนเองว่า ประสบความสำเร็จมาได้ทุกวันนี้ เพราะหนึ่งสมองสองมือ ด้วยความสามารถของตนเอง การมีชีวิตอยู่ก็สุขสบาย ไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน และยังช่วยเหลือทำประโยชน์ให้สังคมด้วย ชีวิตอย่างนี้ก็มีสุขแล้ว ไม่เห็นต้องทำบุญอะไรเลย ก็ทำไปตามประเพณี ทำสงเคราะห์สังคมบ้าง แต่เรื่องศีลก็ไม่ได้สนใจ ยังดื่มเหล้าประจำ สังสรรค์กับเพื่อน ก็มีโอกาสทำอกุศลอย่างอื่นง่าย เพราะไม่ได้สนใจ คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พอใกล้จะละโลกจึงนึกถึงบุญไม่ออก คนเราถ้าไม่ทำบุญบ่อยๆ จนคุ้นชินโอกาสให้นึกถึงบุญออกนั้นยาก บาปจะได้ช่องแทรกแต่ภาพกรรมนิมิตที่ทำเป็นประจำ แม้หมู่ญาติจะให้สติตอกย้ำระลึกถึงบุญ โอกาสจะนึกได้ก็ไม่ใช่ง่าย เพราะตัวเองไม่เคยมีความเชื่อ โอกาสไปอบายก็มาก
 
ตายแล้วไปนรกเพราะกรรมชั่ว
อดีตมนุษย์ที่ไม่เชื่อเรื่องบุญ บาป จึงมักประกอบแต่กรรมชั่ว
 
      4. ชอบทำอกุศลอย่างเดียว เป็นพวกมิจฉาทิฏฐิ ไม่เชื่อเรื่องบุญ บาป นรก สวรรค์ กฎแห่งกรรม จึงไม่ขวนขวายในการทำความดี ประกอบแต่กรรมชั่วเป็นประจำ ก่อนตายนึกถึงบุญไม่ออก ภาพบาปที่ตนกระทำปรากฏชัดเจน ครั้นละโลกไป จิตก่อนตายย่อมเศร้าหมอง โอกาสจะไปอบายก็มีมาก
 
      อัธยาศัยโดยทั่วไปของบุคคลมี 4 ลักษณะดังที่กล่าวมา เราก็กลับมาพิจารณาตัวเองว่า เราอยู่ในประเภทใด และควรจะทำตนเองให้จัดอยู่ในประเภทใด เพราะชีวิตนี้เราเลือกที่จะไปปรโลกได้ เลือกที่จะเป็นชาวสวรรค์หรือสัตว์นรกก็ได้
 

การสั่งสมบุญเตรียมพร้อมเดินทางสู่ปรโลก

 
      พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงค้นพบความจริงสำคัญข้อหนึ่ง คือ ภพมนุษย์เท่านั้นที่จะสร้างความดี สั่งสมบุญได้ เมื่อสิ้นชีวิตก็หมดสิทธิ์ทำบุญ ประเด็นสำคัญของการเกิดเป็นมนุษย์อยู่ตรงนี้ แล้วทำไมต้องสั่งสมบุญ เพราะการสั่งสมบุญก็เพื่อฆ่ากิเลสในใจให้หมดสิ้นไปนิพพานนั่นเอง แต่ถ้ายังไม่หมดกิเลส การสั่งสมบุญมากๆ ก็เพื่อจะได้ไปสู่สุคติ เพื่อชีวิตที่มีสุข และกลับมาเป็นมนุษย์สร้างความดี ฝึกฝนตนเองต่อ โดยที่เมื่อเกิดมาเป็นมนุษย์ก็มีรูปสมบัติ ทรัพย์สมบัติ และคุณสมบัติที่บริบูรณ์ หากไม่สั่งสมความดีไว้ให้มากๆ ก็มีโอกาสพลัดตกไปอบาย ต้องถูกทรมานยาวนาน ครั้นเกิดมาเป็นมนุษย์ สภาพกายและใจจะไม่สมบูรณ์ สร้างความดีก็ไม่สะดวก โอกาสจะสั่งสมความดีให้ยิ่งยวดเพื่อให้หมดกิเลสก็ยิ่งยาก และตัวเองยังต้องวนเวียนตายเกิดยาวนานไม่รู้จักจบสิ้น เพราะฉะนั้นบุญจึงเป็นเสบียงสำคัญในการเดินทางไกลในวัฏสงสาร เป็นสิ่งที่สำคัญต่อการดำรงชีวิตอยู่ในโลกนี้ และสำคัญต่อการเดินทางไปสู่โลกหน้า คือ ปรโลก
 
บุญคือเบื้องหลังของทุกสิ่ง
บุญเป็นพลังงานบริสุทธิ์ชนิดหนึ่งที่เกิดขึ้นในใจ
 
     ลำดับต่อไปจะขอกล่าวถึงความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับเรื่องบุญ ทั้งความหมาย คุณสมบัติ และวิธีทำบุญ เพื่อที่จะได้เดินทางไปสู่ปรโลกได้อย่างผู้มีชัยชนะ
 
บุญ คือ พลังงานบริสุทธิ์ชนิดหนึ่งที่เกิดขึ้นในใจ ทุกครั้งที่ตั้งใจจะละชั่ว ทุ่มเททำความดี และกลั่นใจให้ใส มีผลทำให้คุณภาพของจิตดีขึ้นสูงขึ้น
 
บุญ มีคุณสมบัติ 2 ประการ คือ
 
1. บุญสามารถสะสมได้ เหมือนน้ำที่หยดทีละหยด ยังเต็มตุ่มได้ บุญก็เช่นกัน จะสะสมอยู่ในใจของเรา
 
2. บุญสามารถอุทิศให้ผู้ล่วงลับได้แม้อยู่ในที่ไกลถึงต่างภพ เหมือนน้ำที่ไหลลงจากที่สูง ย่อมไหลไปได้ไกลแสนไกลลงไปสู่มหาสมุทร
 
     เมื่อทราบแล้วว่า บุญ คืออะไร คุณสมบัติของบุญ คืออะไร วิธีการทำบุญในทางพระพุทธศาสนามีหลายประการด้วยกันที่เราเรียกว่า บุญกิริยาวัตถุ 10 ประการ หากกล่าวโดยย่อมีอยู่ 3 ประการ คือ ทาน ศีล ภาวนา ซึ่งในที่นี้จะขออธิบายโดยสรุปเฉพาะประเด็นสำคัญเพียงบางส่วนพอให้เข้าใจเท่านั้น
 
ทำทาน
ทานคือการให้
 

วิธีเตรียมความพร้อมก่อนเดินทางสู่ความตาย

 
     1. การเตรียมตัวสู่ปรโลกด้วยการทำทาน ทานเป็นความดีเบื้องตนที่ทุกคนต้องทำ เพราะคนเรามีชีวิตอยู่ได้ทุกวันนี้ เพราะอาศัยทาน คือ การให้เป็นพื้นฐาน หากมนุษย์ปราศจากการให้แล้ว โลกนี้คงวุ่นวาย พ่อแม่ไม่เลี้ยงลูก ลูกไม่เลี้ยงพ่อแม่ ครูไม่สอนศิษย์ โลกใบนี้คงจะไม่น่าอยู่
 
     ทาน หมายถึง การให้ มีจุดมุ่งหมายเพื่อขัดเกลาจิตใจให้สะอาดปราศจากความตระหนี่ของผู้ให้ และอีกประการหนึ่งมุ่งสงเคราะห์ผู้รับ มีคำกล่าวที่ว่า ทำบุญทำทาน เป็นคำโบราณที่พูดติดปากกันมาก คำว่าทำบุญนั้นมุ่งหวังบุญ ชำระจิตของตนให้สะอาดเป็นสำคัญ เช่น ทำบุญถวายไทยธรรมแด่คณะสงฆ์ ส่วนคำว่า ทำทาน มุ่งหวังสงเคราะห์ผู้รับ เช่น ทำทานให้คนขอทานที่อยู่ริมทางเท้า ก็จะทำให้เห็นความแตกต่าง เพราะบางคนคิดว่า ทำบุญกับพระกับทำบุญกับคนขอทาน ได้บุญเท่ากัน จึงไม่สนใจทำบุญกับพระ อย่างนี้เป็นความเข้าใจที่ไม่ถูกต้อง
 
หลักการในการทำทานให้ได้บุญมาก มีอยู่ 3 ประการ คือ
 
1. วัตถุทานบริสุทธิ์ ไม่ได้ไปลักขโมยของใครมา ไม่ได้มาด้วยมิจฉาอาชีวะ
2. เจตนาบริสุทธิ์ทั้งก่อนทำ ขณะทำ และหลังจากทำไปแล้ว เพื่อกำจัดกิเลส ไม่ได้หวังยศชื่อเสียง
3. บุคคลบริสุทธิ์ ทั้งผู้ให้ผู้รับมีศีลบริสุทธิ์ ถ้าทำอย่างนี้ จะได้บุญมาก
 
     ดังนั้นหลักการเตรียมความพร้อมสู่ปรโลกประการแรก คือ ทาน หลักการทำทานโดยเฉพาะการให้กับเนื้อนาบุญ คือ พระสงฆ์ จะมีอานิสงส์มาก การทำทานในพระพุทธศาสนาจะส่งผลให้ไปเกิดในสวรรค์ชั้นสูงๆ ได้มากกว่าทำทานแบบความเชื่ออื่น และต้องทำทุกวันอย่างสม่ำเสมอต่อเนื่อง
 
รักษาศีล
โครงการบวชอุบาสิกาแก้วหน่ออ่อนร่วมกันรักษาศีล 8
 
     2. การเดินทางสู่ปรโลกด้วยการรักษาศีล ศีลเป็นความดีโดยตรง ที่ต้องหมั่นรักษาให้ครบทุกวัน เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนเดินทางไปสู่ปรโลก ในที่นี้จะขอนำเสนอเฉพาะศีล 5 ซึ่งเป็นคุณธรรมพื้นฐานที่มนุษย์ทุกคนต้องรักษา ศีลเป็นเรื่องของความสะอาดกายวาจา มุ่งควบคุมกายวาจาให้สะอาดบริสุทธิ์ ซึ่งจะมีผลต่อใจของเรา เมื่อทำสมาธิก็จะเข้าถึงธรรมะได้ง่าย ศีล คือ ความเป็นปกติของมนุษย์ เป็นคุณธรรมที่ทำให้เป็นมนุษย์ ที่เรียกว่า มนุษยธรรม โดยทั่วไปมนุษย์ทุกคนจะต้องรักษาศีล 5 เป็นปกติ หากมนุษย์ไม่รักษาศีล มนุษย์คนนั้นก็ไม่ต่างอะไรกับสัตว์ บางท่านคิดว่า ศีล 5 เป็นสิ่งที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงบัญญัติขึ้น ชาวพุทธเท่านั้นจะต้องรักษา ความจริงแล้วเป็นความเข้าใจที่ถูกต้อง แต่ยังมิใช่ทั้งหมด แท้จริงแล้ว ศีล 5 เป็นกฎธรรมชาติ เป็นความปกติของมนุษย์ มิใช่สิ่งที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงบัญญัติขึ้นมา แต่พระองค์ทรงค้นพบและนำมาตรัสสั่งสอนให้ปฏิบัติ
 
มนุษย์ต้องรักษาศีล 5 ข้อ จึงจะเป็นความปกติ

     ศีลข้อที่ 1 งดเว้นจากการฆ่าสัตว์ อะไรคือสิ่งที่รักที่สุดของสรรพสัตว์ คำตอบ คือ ชีวิต เพราะฉะนั้นมนุษย์และสัตว์ย่อมรักชีวิตของตน ใครๆ ก็ไม่ควรจะฆ่าใคร

     ศีลข้อที่ 2 งดเว้นจากการลักทรัพย์ นอกจากชีวิตแล้ว สิ่งที่คนเราหวงแหนรองลงมา คือ ทรัพย์สมบัติ เพราะฉะนั้นใครๆ ก็ไม่ควรลักขโมยของใคร

     ศีลข้อที่ 3 งดเว้นจากการประพฤติผิดในกาม นอกจากทรัพย์สมบัติแล้ว สิ่งที่เราหวงแหน รองลงมาคือ บุตร ภรรยา สามี เพราะฉะนั้นใครๆ ก็ไม่ควรจะประพฤติผิดในบุตร ภรรยา สามีของใคร

     ศีลข้อที่ 4 งดเว้นจากการพูดปด แม้คนที่เป็นที่รักกัน แต่หากพูดโกหกกัน ขาดความจริงใจต่อกัน แม้เป็นคนที่รักกัน ก็หมดความรักได้ เพราะฉะนั้นใครๆ ก็ไม่ควรจะพูดโกหกกัน

     ศีลข้อที่ 5 งดเว้นจากการดื่มสุราเมรัย เพราะสุราทำให้ขาดสติ ควบคุมตนเองไม่ได้ เมื่อดื่มเข้าไปแล้วมีโอกาสทำผิดศีลข้ออื่นได้ง่าย

      หากทำผิดศีลแต่ละข้อ ก็จะมีโทษในปัจจุบันเกิดขึ้น ที่เห็นชัดเจน คือ เรื่องศีลข้อ 5 บางท่านบอกว่า ดื่มแล้วไม่ทำให้ตนเองเดือดร้อน เป็นเรื่องที่ไม่เป็นความจริง อย่างแรกคือตัวเองเดือดร้อน สุขภาพเสื่อม ครอบครัวเดือดร้อน เสียทรัพย์ เสียงาน ฯลฯ และที่สำคัญยิ่งกว่านั้น จะมีโทษหลังจากละโลกไปแล้ว ต้องไปตกอบาย ได้รับทุกข์ทรมานยาวนานยิ่งนัก
 
     มีคนสงสัยว่า หากทุกคนรักษาศีล 5 กันหมด โลกจะเป็นอย่างไร ก็อยากจะบอกก่อนว่า ช่วยทำให้คนรักษาศีลให้ได้หมดโลกก่อน แล้วค่อยพูดกัน เพราะเป็นเรื่องที่ยากมาก แต่คำถามนี้มีคำตอบ คือ เมื่อคนรักษาศีลกันหมดโลก โลกจะสงบเย็น บรรยากาศและสิ่งแวดล้อมจะเปลี่ยนไปตามความบริสุทธิ์ของมนุษย์ ชีวิตมนุษย์จะย้อนยุคไปสู่ยุคมนุษย์ต้นกัปที่มีกิเลสเบาบาง มีศีล 5 เป็นปกติ บรรยากาศและสิ่งแวดล้อมจะดี ปราศจากมลพิษ อาหารการกินอุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการ เกิดขึ้นเองโดยไม่ต้องหา ไม่ต้องแย่งกัน ความสมดุลของธรรมชาติก็เกิดขึ้น ความสุขก็เกิดขึ้นตามลำดับ
 
     ดังนั้น เราจึงต้องรักษาศีลทั้ง 5 ข้อ ให้ครบทุกวัน อย่าให้ขาด จะได้มีความสุขทั้งในปัจจุบัน และเป็นเหตุที่จะนำไปสู่สุคติโลกสวรรค์ เมื่อเราละโลกนี้ไป
 
นั่งสมาธิ เจริญภาวนา
การทำสมาธิเจริญภาวนา
 
     3. การเดินทางสู่ปรโลกด้วยการทำภาวนา การทำสมาธิเจริญภาวนาเป็นความดีขั้นสูงสุด ที่จะต้องฝึกปฏิบัติ มุ่งกำจัดขัดเกลากิเลสภายในใจของเราให้เบาบางลง ภาวนา เป็นเรื่องของการทำใจให้สงบเป็นอารมณ์เดียว เมื่อใจสงบจะพบกับความสว่างที่เรียกว่า ปัญญา และจะสามารถมองเห็นสิ่งต่างๆ ตามความเป็นจริงได้ การทำภาวนาดูเหมือนจะเป็นเรื่องง่าย เพียงแค่ใช้เนื้อที่เพียงไม่กี่ตารางเมตร มีเพียงอาสนะหนึ่งผืนกับตัวเราเท่านั้น ก็สามารถทำได้ แค่นี้ไม่เห็นจะยากเลย จริงอยู่การเตรียมอุปกรณ์ไม่ยาก แต่ตอนทำใจให้สงบ เป็นเรื่องที่ยากที่สุด เพราะจิตของเรามีสภาพที่กวัดแกว่ง คิดไปในเรื่องราวต่างๆ มากมาย บางคนมีความคิดมา 20 ปี 30 ปี ผ่านประสบการณ์มามากมายหลายร้อยหลายพันเรื่องราว จะให้ทำจิตให้สงบภายในชั่วโมงเดียว วันเดียวเป็นไปได้ยากมาก
 
      การทำภาวนามีวิธีให้เลือกมากถึง 40 วิธี ทุกวิธีล้วนนำไปสู่จุดหมายปลายทางเดียวกัน คือ การบรรลุธรรม แต่ต้องปฏิบัติให้ถูกหลักตามพุทธวิธี ไม่ว่าจะปฏิบัติตามวิธีการใดใน 40 วิธีก็ตาม แต่หลักการที่สำคัญ คือ การนำใจมาตั้งที่ศูนย์กลางกายฐานที่ 7 เหนือสะดือ 2 นิ้วมือ ซึ่งเป็นที่ตั้งของใจ อันเป็นการปฏิบัติเพื่อเข้าถึงพระธรรมกาย ที่พระมงคลเทพมุนี (หลวงปู่วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ) ได้ค้นพบ ซึ่งวิธีการนำใจมาไว้ที่ศูนย์กลางกายนี้ มีผู้ปฏิบัติแล้วได้รับผลแห่งการปฏิบัติที่ดี เป็นพยานยืนยันความถูกต้องของการปฏิบัติเป็นจำนวนมาก ซึ่งเราควรลงมือปฏิบัติด้วยตนเองให้ได้ทุกวันอย่างสม่ำเสมอ ก็เชื่อมั่นว่า คงประสบผลสำเร็จแห่งการปฏิบัติขั้นใดขั้นหนึ่งอย่างแน่นอน
 
    จากบทความที่กล่าวมานี้ เราได้ทราบถึงวิธีการเตรียมความพร้อมสำหรับการเดินทางสู่ปรโลกแล้วว่า ควรหมั่นทำบุญอย่างสม่ำเสมอตามหลักบุญกิริยาวัตถุ หมั่นให้ทานเพื่อกำจัดความตระหนี่ การรักษาศีลเพื่อควบคุมกายวาจาของเราให้สะอาด และรักษาใจให้สะอาดบริสุทธิ์ ผ่องใส ด้วยการเจริญสมาธิภาวนา ให้เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตทุกๆ วัน เพราะเวลาในโลกมนุษย์มีอยู่อย่างจำกัด ตราบใดที่เรายังมีลมหายใจ ตราบนั้นเวลาในโลกมนุษย์ยังเป็นสิ่งที่มีค่าควรแก่การสั่งสมกรรมดี เพราะบุญเท่านั้น เป็นสิ่งเดียวที่จะนำทุกชีวิตไปสู่สุคติปรโลกด้วยความมั่นใจ
 
*พาลบัณฑิตสูตร, มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์, มก. เล่ม 23 ข้อ 472 หน้า150
 
คลิปวิดีโอ คุณรู้มั้ยคุณนั้นเคยตาย
 
 
บทความที่เกี่ยวข้องตายแล้วไปไหน
 




พิมพ์บทความนี้


<< ก่อนหน้า
รหัสผ่านเดินทางสู่ปรโลก การพิสูจน์ปรโลก ปรโลกมีจริงหรือไม่ ตอนที่ 1
ถัดไป >>

   

Bookmark and Share   





   ค้นหา บทความธรรม    

  ฝันในฝันวิทยา
  สารพันธรรมะ
  ปกิณกธรรม
  ผลการปฏิบัติธรรม
  โครงการฟื้นฟูศีลธรรมโลก
  ธรรมะบันเทิง
  ข่าว
  ข่าวประชาสัมพันธ์
  ข่าวบุญฝากประกาศ
  DMC NEWS
  ข่าวรอบโลก
  กิจกรรมเว็บ dmc.tv
  Scoop - Review DMC
  เรื่องเด่นทันเหตุการณ์
  Review รายการ DMC
  หนังสือธรรมะ
  ธรรมะเพื่อประชาชน
  ที่นี่มีคำตอบ
  หลวงพ่อตอบปัญหา
  อยู่ในบุญ
  สุขภาพนักสร้างบารมี
  นิทานชาดก
  CaseStudy กฎแห่งกรรม
  กฎแห่งกรรม
  เรื่องราวชีวิต
  เหลือเชื่อแต่จริง
  อุทาหรณ์สอนใจ
  ฮอตฮิต...ติดดาว
  วิบากกรรม...ทำให้ทุกข์
  บุญเกื้อหนุน
  ปรโลกนิวส์
  ธรรมะและสมาธิ
  พุทธประวัติ
  สมาธิ
  ผลการปฏิบัติธรรมนานาชาติ
  ทศชาติชาดก
  พุทธประวัติและวันสำคัญ
  บทสวดมนต์
  ศัพท์ธรรมะ ภาษาอังกฤษ
  มหาปูชนียาจารย์
  อานุภาพมหาปูชนียาจารย์
  ประวัติ
  กิจกรรม
  ธุดงค์สถาปนาเส้นทางมหาปูชนียาจารย์
  About DMC
  เกี่ยวกับ DMC
  DMC GUIDE
  มือถือ Mobile
  คู่มือเว็บ www.dmc.tv
  มาวัดพระธรรมกาย
   ค้นหา บทความธรรม    

พระศรีอริยเมตไตรย์
พระศรีอริยเมตไตรย์

พุทธประวัติ
ภาพพุทธประวัติ


ธรรมะเพื่อประชาชน

ดอกไม้บาน

ทอดผ้าป่าเขาแก้วเสด็จทุกวันเสาร์

Peace Photo
ภาพแห่งการสร้างบารมีเพื่อสันติภาพโลก

Meditation and Peace

อยู่ในบุญ

ปฏิทินบุญ

Free Wallpaper Download

Free Ecards

ตักบาตรพระ 1 ล้านรูป